ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและวัฒนธรรมต่างๆ ของมนุษยชาติมีมาเนิ่นนานนับตั้งแต่ยุคหิน ทำให้บรรพบุรุษในยุคแรกเริ่มนี้สามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ โดยการปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบกายเพื่อทำให้เกิดความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น หนึ่งในเครื่องมือที่ทำให้การดำรงชีพสะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั้น ก็คือ ร่มกันฝน (ร่มเล็ก ; Umbrella) และร่มบังแดด (ร่มขนาดใหญ่ ; Parasol) ซึ่งในยุคแรกๆนี้ จะมีเพียงคนที่มีฐานะร่ำรวยและพระบรมวงศานุวงศ์ เท่านั้นที่ได้ใช้ร่ม จากนั้นจึงค่อยๆแพร่หลายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนเป็นที่รู้จักในวงกว้างอย่างเช่นในปัจจุบัน foromarbella จะพาทุกท่านมาดูว่าประวัติความเป็นของร่ม เป็นมาอย่างไร ?
“ กล่าวได้ว่า ร่ม ได้รับการพัฒนาและปรับปรุงคุณสมบัติในการใช้งานต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ”
ประวัติร่ม เกิดขึ้นมาเมื่อ 3,400 ปีที่แล้วโดยประมาณในแผ่นดินของเมโสโปเตเมียแรกเริ่ม ร่ม ไม่ได้ถูกนำมาเพื่อกันฝนแต่การใดแต่มีไว้เพื่อสร้างร่มเงาไว้ป้องกันแสงแดดหรือใช้เพื่อแสดงถึงอำนาจตำแหน่งของคนๆนั้นซะส่วนใหญ่ โดยตอนแรกร่มไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อทำหน้าที่ป้องกันการเปียกฝนแต่อย่างใด
เพราะด้วยพื้นที่ชาวเมโสโปเตเมียนั้นแทบจะไม่มีฝนตกเลย จึงนำร่มมาใช้ในด้านของการป้องกันแสงแดด จึงเป็นที่มาของคำว่า Umbra ที่มาจากภาษาลาตินแปลว่าบังแดดและเป็นรากศัพท์ให้ Umbrella นั่นเอง
ต่อมาเมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์ได้เริ่มให้ความสำคัญกับร่มทั้งในด้านของศาสนาและความเชื่อว่าร่มนั้นเปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของเทพธิดานัตที่แผ่ปกคลุมโลกเฉกเช่นร่มคันใหญ่ จึงได้นำมาอยู่เหนือศีรษะของผู้สูงศักดิ์เท่านั้น ว่ากันว่าในยุคนั้นจะใช้ใบเฟินขนนกและต้นกก เพื่อนำมาใช้ในการประกอบเป็นร่ม
หลังจากนั้นไม่นานชาวกรีกและชาวโรมัน ได้เข้ามาศึกษาวัฒนธรรมและวิถิอาศัยของชาวอียิปต์ จึงได้รู้จักกับร่มก่อนที่จะนำไปใช้ในพื้นที่ของชาวโรมันและชาวกรีก โดยรูปแบบการใช้จะเริ่มต่างจากชาวอียิปต์โดยมีเพียงแค่ผู้หญิงเท่านั้นใช้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องแปลกประหลาดและน่าตลกขบขัน โดยผู้หญิงชาวโรมันจะนำน้ำมันทาลงบนตัวร่มผ้าเพื่อกันน้ำฝน แม้จะมีเสียงค้านจากฝ่ายผู้ชายแต่ก็เอาชนะคดีมาได้โดยได้รับการสนับสนุนจากจักรพรรดิโดมิเทียน
ร่มบังแดดและร่มกันฝนยังคงเป็นของใช้เฉพาะผู้หญิงจนถึงศตวรรษที่ 18 ในยุโรปประเทศฝรั่งเศษและในอเมริกา เมื่อฝนตกผู้ชายปกติจะปล่อยให้ตัวเองเปียกฝนอาจจะมีแค่หมวกใบเล็กๆใส่ไว้ เพราะหากนำร่มมาถือไว้จะทำให้ถูกผู้หญิงฝรั่งเศษว่ามองเป็นผู้ชายอ่อนแอหรือไม่สมเป็นชายได้ ที่แย่หนักอาจจะถูกหาว่าเป็นพวกลักเพศด้วย แต่แล้วนายโจนาส แฮนเวย์ สุภาพบุรุษชาวอังกฤษเป็นผู้ชายคนแรกที่พกร่มไว้กับตัวและทำให้ร่มเป็นที่ยอมรับในวงกว้างสำหรับผู้ชาย ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จต้องใช้ความตั้งใจแน่วแน่อย่างสูง เพื่อที่จะให้คนสมัยก่อนเปลี่ยนค่านิยมและความคิดยึดติดของเค้าได้ แน่นอนว่านายโจนาส แฮนเวย์ โดนกลั่นแกล้งดูถูกจากสังคมจนเป็นเรื่องปกติเลยก็ว่าได้แต่โจนาส แฮนเวย์ก็ไม่สนใจ เขายังพกร่มติดตัวตลอดเวลาช่วง 30 ปีหลังของเขาก็ค่อยๆเริ่มมีผู้ชายตะหนักถึงความสำคัญและความจำเป็นของร่มที่มีผลต่อชีวิตประจำวัน โดยชายหนุ่มในกรุงลอนดอนหากพกร่มจะเป็นการประหยัดในเรื่องของการนั่งรถม้าเวลาฝนตกได้อย่างมาก อาจจะเพราะความจำเป็นด้านเศรษฐกิจหรือเพราะความเคยชินตา จึงทำให้การมองดูถูกคนที่พกร่มติดตัวว่าอ่อนแอนั้นก็ได้จางหายแล้วไม่นานร่มก็ได้เป็นที่นิยมอย่างแผร่หลาย
สนับสนุนโดย ufa656.win
