Saturday, 6 April 2024

งู ตัวไหนมีพิษ และไม่มีพิษ

01 Mar 2023
237

ปก งู ตัวไหนมีพิษ และไม่มีพิษ

จะรู้ได้ไงว่างูที่กัดเป็นงูมีพิษหรือไม่ ก่อนอื่นเราสามารถแยกรอยเขี้ยวก่อนว่าเป็นงูพิษ หรืองูไม่มีพิษ ได้ง่าย ๆ จากการดูลักษณะแผล ถ้างูพิษจะเจอรอยเขี้ยวเป็นรู 2 รู แต่ถ้างูไม่มีพิษจะเป็นรอยฟันคล้ายฟันฉลาม

งู บางชนิดล่าเหยื่อโดยการพ่นพิษออกมาทางเขี้ยวของมัน พิษของงูบางชนิดนั้นเป็นอันตรายต่อมนุษย์ ยังผลให้เรามักคิดว่ามันเป็น “สิ่งมีพิษ” (ถึงแม้ว่าในเชิงวิชาการแล้วจะเรียกพิษนี้ว่า venom ไม่ใช่ poison) เวลาที่เราเดินทางไกลหรือไปตั้งแคมป์ในป่านั้น หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีโอกาสเจอพวกมัน ดังนั้นก่อนจะบุกตลุยสู่ธรรมชาติ จำเป็นที่คุณจะต้องรู้วิธีแยกแยะความแตกต่างระหว่างงูพิษกับงูที่ไม่มีพิษ foromarbella จะแนะนำวิธีสังเกตุ

  1. ดูที่หัว งูพิษส่วนใหญ่จะมีหัวเป็นรูปสามเหลี่ยม แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด นี่เป็นกฎเบื้องต้นที่ดี แต่อย่าลืมว่ามันมีข้อยกเว้น
  2. สังเกตสี งูพิษบางชนิดอย่างงูปะการังจะมีสีสดฉูดฉาด
  3. หลายๆ คนพยายามจะตัดสินว่างูตัวนี้มีพิษหรือไม่โดยการจ้องตามัน นี่มันไร้ประโยชน์ เพราะข้อมูลที่คุณจะได้จากการสังเกตตรงจุดนี้นั้นบอกคุณได้แค่เพียงเวลาไหนที่งูมันจะตื่นตัว งูชนิดที่เป็นสัตว์ออกหากินกลางคืน จึงมักจะมีรูม่านตาแนวขวาง ส่วนงูที่ออกหากินตอนกลางวันก็จะมีรูม่านตากลม งูพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลกบางพันธุ์ก็มีรูม่านตากลม แต่งูพิษที่โด่งดังอย่างงูหางกระดิ่งก็จะมีรูม่านตาแนวขวาง
  4. ดูที่ร่องระหว่างตากับจมูกของงู งูพิษปกติจะมีร่องจับความร้อนอยู่บริเวณนั้นเพื่อค้นหาเหยื่อที่มีเลือดอุ่น งูไร้พิษจะไม่มีร่องดังว่า
  5. ดูว่ามันมีเสียงสั่นหรือเปล่า งูที่มีเสียงสั่นตรงหางต้องเป็นงูหางกระดิ่งซึ่งเป็นงูพิษ งูหางกะดิ่งแคระฟลอริดานั้นจะมีกระดิ่งตรงหางเป็นท่อนเดียว จึงมักไม่ค่อยทำเสียงสั่นดังเตือนให้รู้ตัว
  6. สังเกตเกล็ดใต้ท้องตรงปลายหาง. งูพิษส่วนใหญ่จะมีเกล็ดบริเวณนั้นเพียงแถวเดียวในขณะที่งูไม่มีพิษจะมีสองแถว
  7. ตรวจดูใต้หางถ้าสามารถทำได้ ด้านใต้หาง (หลังรูทวาร) ของงูพิษนั้นจะดูเหมือนส่วนท้องที่เหลือทั้งหมด ถ้างูมีลายสลับ (อย่างเป็นรูปข้าวหลามตัดหรือรูปทรงเพชร) มันก็ไม่มีพิษ อย่างไรก็ดี นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตรวจสอบ เว้นแต่งูนั้นตายแล้ว
  8. ดูงูน้ำว่าย มีแต่งูน้ำที่มีพิษจึงจะว่ายน้ำโดยมองเห็นทั้งลำตัวในน้ำ
  9. ตรวจดูรอยกัดในกรณีที่ถูกงูกัด หากมีรอยทิ่มใกล้กันสองรูบ่งชี้ได้ว่างูนั้นมีเขี้ยวและมีพิษ ในทางตรงข้าม รอยกัดแบบเละแสดงว่างูไม่มีเขี้ยว ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะตัวของงูไม่มีพิษ แต่มีข้อยกเว้นตรงรอยกัดของงูปะการัง แต่นี่ก็ยังถือเป็นกฎสำคัญข้อแรกได้อยู่

งูมีพิษ

ชนิดของพิษงูที่พบได้หลักๆในประเทศไทย ได้แก่

  1. พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบเลือด (Hematotoxin) :: เป็นพิษงูที่จะทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวยาก ใครโดนกัดก็จะทำให้เลือดไหลไม่หยุด และอาจทำให้เสียเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ถ้าได้รับเซรุ่มไม่ทัน งูที่พบได้บ่อยในประเทศไทยได้แก่ งูเขียวหางไหม้ และงูกะปะ
  2. พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) :: เป็นพิษงูที่ส่งผลต่อรอยต่อของปลายประสาทกับมัดกล้ามเนื้อต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อโดนพิษนี้ จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือการที่พิษไปทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจไม่ทำงาน ทำให้สัตว์ไม่สามารถหายใจเองได้บางรายได้รับเซรุ่มไม่ทัน อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ งูกลุ่มนี้ที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่ งูเห่า งูจงอาง งูทับสมิงคลา และงูสามเหลี่ยม
  3. พิษงูที่ออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อ (Myotoxin) ทำให้เจ็บปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง
  4. พิษงูที่ออกฤทธิ์ทำให้เกิดเนื้อตายบริเวณที่โดนกัด (local effect; cytotoxin ) โดยพิษนี้จะเจอได้ทั้งในงูเขียวหางไหม้ งูกะปะ งูเห่า และงูจงอาง ซึ่งพิษนี้ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้น เปื่อยยุ่ย และเป็นเนื้อตายตามมา

งูไม่มีพิษ งูสิง

ข้อควรระวัง

แผลรอยกัดจากงูไม่มีพิษก็อาจอักเสบขึ้นได้ ให้ไปหาแพทย์เสมอและระบุชนิดของงูที่กัดอย่างถูกต้องด้วย

– หากคุณไม่ไปพบแพทย์ในทันทีหลังถูกงูพิษกัด มันอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

– อย่าพยายามคิดจับงูใดๆ ถ้ามั่นใจว่างูตัวนั้นไร้พิษและยืนกรานจะจับให้ได้ ให้ทำด้วยท่าทางไม่ไปคุกคามมัน ไม้เกี่ยวงูเป็นอุปกรณ์ที่ดีเวลาต้องใช้เพื่อความปลอดภัย

– อย่าคิดจับงูที่ส่งเสียงฟ่อ สั่นหางกระดิ่ง แผ่แม่เบี้ย หรือพ่นพิษ เพราะนั่นคือคำเตือนของพวกมันว่าอย่าเข้าไปยุ่งไม่งั้นโดนกัดแน่

สนับสนุนโดย 12betsiam.com