ปลาทอง สัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆที่ช่วยผู้เลี้ยงคลายความเครียดได้ และใช้พื้นที่ในการเลี้ยงไม่เยอะมาก นอกจากจะเป็นปลาสวยงามชนิดหนึ่งที่คนนิยมเลี้ยงกันมากแล้ว ยังสามารถเลี้ยงไว้ประดับห้องต่างๆให้น่าอยู่ได้อีกด้วย แต่ปลาทองนั้นค่อนข้างจะบอบบางและตายง่าย ผู้เลี้ยงจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ดั้งนั้น foromarbella จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะเลี้ยงเจ้าปลาทองตัวน้อยให้อยู่กับเราไปนานๆ
ประวัติของปลาทอง
เดิมปลาทองมีลักษณะคล้ายกับปลาไน ไม่ได้สวยงามเหมือนในปัจจุบัน กระทั่งประมาณปี ค.ศ. 1243-1343 ชาวจีนเริ่มนิยมนำปลาทองมาเลี้ยงในบ่อน้ำบริเวณบ้านมากขึ้น ก่อนจะนำไปสู่การเพาะพันธุ์เพื่อค้าขายและเกิดเป็นสายพันธุ์ปลาทองที่มีความสวยงามมากขึ้น และเป็นที่นิยมเลี้ยงไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ รวมถึงในประเทศไทย
เนื่องจากคำว่าปลาทองในภาษาจีนคือคำว่า “หยู” ซึ่งพ้องกับคำว่า “อุดมสมบูรณ์” ทำให้มีความเชื่อเกี่ยวกับปลาทองว่า เป็นปลามงคล หากเลี้ยงแล้วจะช่วยเสริมฮวงจุ้ยด้านโชคลาภการเงินนั่นเอง
สายพันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยง
ถึงแม้ว่าปลาทองจะมีสายพันธุ์ที่หลากหลายมาก แต่ก็จะมีเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่คนไทยนิยมเลี้ยงและจัดประกวดกัน ดังต่อไปนี้
- ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น (Ranchu)
ปลาทองหัวสิงห์ญี่ปุ่น สายพันธุ์ปลาทองที่พัฒนาโดยชาวญี่ปุ่น และได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มปลาทองพันธุ์หัวสิงห์ จุดเด่นอยู่ที่ห้ววุ้นละเอียดหนา ลำตัวสั้น หลังโค้งมน ครีบหางสั้น และครีบก้นเป็นคู่มีขนาดเท่ากัน
- ปลาทองหัวสิงห์ลูกผสม (Hybrid Lionhead)
สายพันธุ์ปลาทองที่มีการเพาะพันธุ์ในประเทศไทย ลักษณะเด่นคือ มีหัววุ้นขนาดปานกลาง สันหลังโค้งมน และมีครีบหางสั้นกว่าเมื่อเทียบกับปลาทองหัวสิงห์จีน
- ปลาทองหัวสิงห์สยาม (Siamese Lionhead)
ปลาทองหัวสิงห์สยาม มีอีกชื่อเรียกว่า หัวสิงห์ตามิด มีต้นกำเนิดในประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับหัวสิงห์ญี่ปุ่น จุดเด่นคือ มีวุ้นปกคลุมบริเวณหัวหนาแน่นจนมองไม่เห็นตา ลำตัวคล้ายหัวสิงห์ญี่ปุ่น โดยมีจุดเด่นคือ ลำตัวและครีบจะมีสีดำสนิท ไม่มีสีอื่นแซม
- ปลาทองออรันดาหัววุ้น (Dutch Lionhead)
ปลาทองออรันดาหัววุ้น เกิดจากการเพาะพันธุ์ได้ในประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก มีลักษณะเด่นคือ มีหัววุ้นสีเหลืองส้มคล้ายสายพันธุ์หัวสิงห์ แต่มีขนาดเล็กกว่า ลำตัวใหญ่สีขาว-เงิน มีครีบครบทุกส่วน และมีหางยาวสวยงาม
- ปลาทองริวคิน (Ryukin)
ปลาทองริวคิน เป็นปลาที่ได้รับความนิยมเลี้ยงทั้งในประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นที่หางยาวเป็นพวงสวยงาม ลำตัวกลมสั้น มีสีแดงสลับขาว บางชนิดอาจมีมากถึง 5 สี
ภาชนะที่ใช้เลี้ยง
– ตู้ปลาขนาด 24 นิ้ว สามารถเลี้ยงปลาทองได้ไม่เกิน 3 ตัว
– อ่างซีเมนต์ ควรอยู่ในที่ไม่อับแสง แต่ไม่จ้าจนเกินไป และควรใช้ตาข่ายพรางแสงประมาณ 60% ปิดที่ปากบ่อปลา อาจสร้างให้บ่อซีเมนต์มีความลาดเอียงเล็กน้อยเพื่อช่วยให้เปลี่ยนถ่ายน้ำสะดวกขึ้น
– ควรมีพวกสาหร่ายหรือไม้น้ำอยู่ในภาชนะที่ใช้เลี้ยงด้วย ซึ่งจะช่วยลดความเครียด เป็นแหล่งอาหาร และเพิ่มจุลลินทรีย์ธรรมชาติ
การเตรียมน้ำ
– น้ำประปาที่ใช้เลี้ยงต้องไม่มีคลอรีน
– เตรียมน้ำก่อนนำมาใช้ โดยเปิดน้ำใส่ถัง เปิดฝา และวางทิ้งไว้ 2-3 วัน เพื่อให้คลอรีนระเหย
– ใส่เกลือแกงทุกๆ 7 วัน ซึ่งเกลือจะช่วยลดความเครียดให้ปลา และยังช่วยฆ่าเชื้อโรคในน้ำอีกด้วย
การให้อาหาร
– อาหารสำเร็จรูป วันละ 1-2 ครั้ง แต่ละครั้งห้ามให้เยอะจนเกินไป เสี่ยงอ้วน และตายได้
– อาหารเสริม เช่น ลูกน้ำ หนองแดง สามารถให้เสริมได้โดยดูจากความอ้วนและความแข็งแรง
– การให้อาหารแต่ละครั้งต้องให้ปลากินจนหมดก่อนถึงค่อยให้ใหม่ เพราะอาจทำให้ปลาท้องอึด และว่ายน้ำหัวทิ่มเสียการทรงตัวได้
อากาศหรือออกซิเจนในน้ำ
– เนื่องจากปลาทองจะชินกับสภาพน้ำที่มีออกซิเจนค่อนข้างเยอะ ในสถานที่เลี้ยงควรมีน้ำหมุนเวียนเบาๆ เช่น น้ำพุ น้ำตก หรือปั๊มน้ำ ทำให้เกิดออกซิเจน
– อุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมคือ 28-35 องศาเซลเซียส และห้ามให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงขึ้นลงบ่อยๆ
– เมื่อซื้อปลาทองมาควรแช่ถุงใส่ปลาทองลงน้ำในตู้ก่อนเพื่อปรับอุณหภูมิ จากนั้นค่อยปล่อยปลาลงไป
สนับสนุนโดย ivip9.win