เนื่องจากแนวโน้มการดูแลสุขภาพของคนมีสูงขึ้น เพราะคนใส่ใจในตัวเองมากขึ้น ทางเลือกของสปาเป็นทางเลือกที่ดึงดูดกลุ่มคนหลากหลายที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี สำหรับบทความนี้ foromarbella จะมาเล่าสู่กันฟังถึงเรื่องสปา ว่ามีประเภท มีอะไรบ้าง ลักษณะของ สปาเป็นอย่างไร รวมถึงองค์ประกอบสำคัญของสปามีอะไรบ้าง ซึ่งหลายๆคน อยากได้เข้าถึงและสัมผัสประสบการณ์นั้นๆ ด้วยตนเอง
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะของสปาแล้ว อาจกล่าวได้ว่า สปามี 3 ลักษณะ ได้แก่ สปาตะวันตก ไทยสปา และไทยสัปปายะ
สปาตะวันตก (Western Spa)
เป็นสถานบริการทางสุขภาพที่ใช้น้ำเป็นหลัก โดยมีมาตรฐานการให้บริการตามแบบประเทศตะวันตก เช่น การใช้อ่างน้ำวน การนวดแบบตะวันตกประเทศต่าง ๆ การอบซาวน่า อบไอน้ำแบบฝรั่ง มีการออกกำลังกายโดยอาศัยเครื่องมือ (Fitness)
ไทยสปา (Thai Spa)
เป็นสถานบริการทางสุขภาพที่ใช้น้ำเป็นหลัก มีมาตรฐานการให้บริการแนวเดียวกับประเทศตะวันตก แต่มีการประยุกต์ภูมิปัญญาทางตะวันออกและภูมิปัญญาไทยเข้าไปสู่สถานบริการในสถานที่ต้องการ
ไทยสัปปายะ (Thai Sapaya)
เป็นสถานบริการที่ประยุกต์ใช้ภูมิปัญญาไทยเป็นหลัก ซึ่งชาวไทยมีชีวิตอยู่กับสายน้ำ ดำรงชีวิตด้วยสายน้ำ เรามีน้ำตก น้ำพุร้อน ลำธาร น้ำทะเล และยังมีภูมิปัญญาที่โดดเด่น เช่น การนวดไทย การใช้ลูกประคบ การอบสมุนไพร การใช้เครื่องร่ำไทย สมุนไพรไทย อาหารไทย ผลไม้ไทย และดนตรีไทย ซึ่งคงความเป็นศิลปวัฒนธรรมและประเพณีไทยอย่างชัดเจน จะมีบริการที่ใช้น้ำหรือไม่ใช้ก็ได้ โดยเน้นการใช้วิธีการธรรมชาติเป็นหลัก (Natural Treatment)
รูปแบบและบริการของสปาที่ได้รับความนิยม
ความสุขที่ได้รับจากสปา มีให้เลือกรูปแบบและบริการหลากหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยุ๋กับสปาประเภทไหนจะเลือกใช้อะไร บริการของสปามีหลายแบบด้วยกัน ดังนี้ คือ
1.การนวดร่างกาย (Body Massage)
เป็นทางเลือกยอดนิยมของการทำสปา ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายได้ดีเยี่ยม โดยสปาแต่ละแห่งจะมีรูปแบบการนวดต่างกันไป ขึ้นอยูกับการนำเอาความโดดเด่นของการนวดแบบใด มาผสมผสานให้เป็นเอกลักษณ์ของสปาแต่ละแห่ง แต่หลักๆมี ๒ ประเภท คือ นวดแผนไทย กับ นวดบำบัดอโรมา รวมไปถึงการนวดของชนชาติอื่น เช่น การนวดแบบสวีดิช ( Swedish Massage ) เป็นต้น เป็นการนวดเพื่อผ่อนคลายและกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของโลหิตที่ผิวหนังโดยใช้เทคนิคการลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อ มีการลูบ การเคาะ เพื่อกระตุ้นระบบประสาท และการเขย่าอย่างเป็นจังหวะ ปัจจุบันมีการนำพฤกษาบำบัดเข้ามาใช้ประกอบในการนวดด้วย เพื่อให้ผู้รับบริการเกิดความผ่อนคลายทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์
บางแห่งมีคอร์สนวดกระชับไขมันส่วนเกินด้วย การนวดทุกแบบมีผลดีต่อสุขภาพมากน้อยต่างกัน การนวดได้รับความนิยมอย่างสูลในเมืองไทย โดยเฉพาะนวดแผนไทย จัดเป็นทรีตเมนท์ ที่มีประจำสปาทุกแห่ง มีชื่อเสียงระดับโลก เพราะมีทั้งความนุ่มนวลเพื่อผ่อนคลาย มีทั้งความหนักแน่นเพื่อการรักษา และยังมีการประคบด้วยสมุนไพรไทย สามารถนวดเพื่อผ่อนคลายรักษาเฉพาะจุดได้ เช่น การนวดเท้า นวดไหล่ นวดเท้า นวดไขสันหลัง เพื่อกระตุ้นประสาท เป็นต้น
2.อบซาวน่า หรือ อบสมุนไพร
(Aroma Steam / Herbal Steam)
เป็นการกระตุ้นร่างกายด้วยความร้อนเพื่อให้รูขุมขนในร่างกายเปิดกว้างพร้อมที่จะขับสารพิษออกมากับเหงื่อ วิธีการนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะขั้นตอนง่ายไม่ซับซ้อน ทำเองโดยไม่ต้องพึ่งพาพนักงานก้ได้ ขอแค่ให้มีอุปกรณ์เครื่องซาวน่าก็ใช้ได้
3.สครับ (Scrub)
คือ การกระตุ้นระบบการหมุนเวียนของเลือดด้วยการขัดผิวด้วยพืชพรรณจากธรรมชาติ เช่น พืชสมุนไพรต่างๆรวมทั้งการใช้เกลือทะเล สาหร่าย ฟองน้ำเพื่อขจัดเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไป เซลล์ผิวใหม่จะได้ขึ้นมาทดแทน เป็นการเติมสารอาหารให้ผิวด้วย วิธีสครับนี้จะช่วยให้สุขภาพผิวดีขึ้น ผิวเนียนนุ่ม เรียบ และสีผิวสม่ำเสมอยิ่งขึ้น การขัดผิวสามารถใช้สมุนไพรขัดหรือใช้ครีมขัด แต่ในบางกรณีการใช้สมุนไพรขัดนั้นอาจทำให้เกิดอาการแพ้ หรือมีปัยหาเรื่องของความแห้งของผิวตามมาได้ ซึ่งต่างจากการใช้ครีมขัดเพราะในครีมขัดนั้นจะมีตัวเนื้อครีมที่ช่วยให้ความลื่นในการถูหรือขัด เม็ดของครีมจะทำให้อ่อนนุ่มลงลดแรงการเสียดสีกับผิวหนัง ซึ่งจะป้องกันการอักเสบและการแพ้ของผิวหนังได้
4.การห่อร่างกาย (Body Wrap)
ห่อลำตัว และแขน ขา คล้าย การห่อทารกแรกเกิด ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่มีสรรพคุณพิเศษ อาจจะ เป็นสาหร่ายทะเล (Seaweed Mask) หรือโคลนทะเล สมุนไพรบางชนิด แล้วอาจห่อด้วยผ้าห่มชุบน้ำร้อนหรือผ้าห่มชุบน้ำเย็นนาน 20-30 นาที ขั้นตอนนี้ช่วยให้ร่างกายมีอุณภูมิสูงขึ้นอย่างคงที่ รูขุมขนเปิดกว้าง เพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย ฟื้นฟูสภาพผิวและยังช่วยในเรื่องการผ่อนคลายอย่างลึกล้ำ ทำให้ร่างกายสงบ บรรเทาอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อ และข้อต่ออักเสบ
5.วารีบำบัด หรือ การบำบัดด้วยน้ำ (Hydro Therapy)
มีรูปแบบแตกต่างกันไป ตั้งแต่การแช่ตัวในน้ำ การอบตัว การห่อตัว การประคบ การสูดดม การใช้น้ำร้อนจัดสลับเย็นจัด การฉีดน้ำ การรดน้ำ และว่ายน้ำ
6.โภชนบำบัด (Nutrition Therapy)
เน้นการกินสารอาหารตามธรรมชาติ หลีกเลี่ยงอาหารแห้ง อาหารปรุงแต่ง หรือปนเปื้อนสารเคมี และสารอาหารดัดแปลง มีนักโภชนาการหรือแพทย์ทางเลือกเป็นผู้แนะนำ เป็นต้น
สนับสนุนโดย ufacash888.com