คากิ เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว ถ้าเรียกเต็มๆ ก็ “ตือคากิ” หมายถึงขาและตีนหมู เนื่องจากตือคากิมีชิ้นใหญ่ เพราะรวมทั้งส่วนที่เป็นขาหมูไปจนถึงตีนหมู จึงนิยมตัดเป็น 2 ท่อนเพื่อให้ง่ายต่อการทำอาหาร ท่อนบนคือตั้งแต่ต้นขาถึงเหนือข้อ ท่อนล่างคือตั้งแต่ข้อถึงปลายตีนหมู หลังๆ มาคนจึงเข้าใจเอาว่าคากิหมายถึงตีนหมูส่วนที่มีข้อเยอะๆ หากไปที่ร้านข้าวขาหมู สังเกตเห็นได้ว่าในเมนูจะมีให้เลือกระหว่างขาหมูและคากิ ทั้งที่จริงๆ แล้วคากิหมายรวมถึงขาและตีนหมูนั่นเอง
แรกเริ่มเดิมทีคนจีนนำคากิไปทำอาหารทั้งต้ม ผัด ตุ๋น ฯลฯ ส่วนในบ้านเราเมนูขาหมูและคากิที่นิยมมากก็เป็นคากิพะโล้ ขาหมูพะโล้ บ้างก็นำขาหมูและคากิไปทำต้มยำรสชาติแซ่บใช่ย่อย แต่การรับประทานขาหมูและคากิบ่อยๆ ก็ต้องระมัดระวังเรื่องไขมัน เพราะภายใต้หนังหมูนั้นอุดมด้วยชั้นไขมัน กินอร่อยแล้วต้องรักษาสุขภาพกันด้วย แต่สำหรับหนังหมูและเอ็นที่แทรกอยู่ในขาหมูและคากินั้น เป็นส่วนที่มีคอลลาเจนสูง เหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย และบำรุงโคนผมให้แข็งแรง
หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่า แล้ว “ขาหมู” กับ “คากิ” คืออันเดียวกันหรือไม่ ? หรือ 2 อย่างนี้มันคือคนละส่วนกันแน่ ? วันนี้ foromarbella จึงพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า คากิและขาหมูนั้นเหมือนหรือต่างกันแน่ !
คากิกับขาหมูเหมือนหรือแตกต่าง ข้าวขาหมูอันโอชะ อาหารที่เป็นศัตรูของคนลดความอ้วน แต่ก็อดไม่ได้ทุกครั้งที่เห็นเนื้อและหนังหมูวิบวับอยู่ในจาน ทั้งขาหมูและคากิชิ้นโตๆ สีน้ำตาลเข้มจากการต้มกับน้ำพะโล้จนได้รสชาติที่อร่อยกลมกล่อมพร้อมเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ นอกจากความอร่อยของขาหมูคากิแล้ว OpenRice ก็จะพาไปรู้จักกับ “คากิ” ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น คนที่สงสัยก็จะได้ไม่ต้องถามซักทีว่า “คากิคือไรอ่ะ?”
“คากิ” หรือ “ตือคากิ” เป็นชิ้นส่วนหมู ที่ทำได้สารพัดเมนู ไม่ว่าจะเป็น ข้าวขาหมูคากิ เมนูที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนไทยมากที่สุด เพราะไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ทั้งหน้าตลาด หน้าโรงเรียน หรือร้านอาหารต่าง ๆ ก็มีเมนูที่ทำจาก คากิ เยอะแยะเต็มไปหมด นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาทำต้มยำคากิ ผัดกะเพราคากิ ไข่พะโล้คากิ คากิถั่วดำ คากิตุ๋น และอีกสารพัดเมนูจาก “คากิ”
สำหรับ “ตือคากิ” นั้นจะมีชิ้นใหญ่ เพราะรวมส่วนที่เป็นขาหมูไปจนถึงเท้าหมู คนที่นำไปประกอบเป็นเมนูต่าง ๆ จึงนิยมตัดเป็น 2 ท่อนเพื่อให้ง่ายต่อการทำอาหาร โดยคากิ คือ เท้าหมูที่มีข้อเยอะ ๆ ส่วนขาหมู คือ ต้นขาถึงเหนือข้อของหมู จึงขอสรุปว่า คากิ และ ขาหมูนั้น แตกต่างกัน
ซึ่งในสมัยอดีต คนจีนนิยมทำอาหารทั้งต้ม ผัด ตุ๋น ฯลฯ จากคากิ ส่วนในบ้านเราเมนูขาหมูและคากิที่นิยมมากก็เป็นคากิพะโล้ ขาหมูพะโล้ ที่ได้กล่าวไปข้างต้น แต่การรับประทานคากิบ่อย ๆ ก็อาจจะต้องระวังเรื่องไขมันที่อยู่ในส่วนของคากิ อาหารอร่อยก็จริง แต่สุขภาพของเราก็ต้องมาเป็นความสำคัญ
แต่เชื่อหรือไม่ว่า หนังหมูและเอ็นที่แทรกอยู่ในคากินั้น เป็นส่วนที่มีคอลลาเจนสูง เหมาะกับคนที่ต้องการบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ไร้ริ้วรอย และบำรุงโคนผมให้แข็งแรงคากิหมู ตรงที่เป็นเหมือนวุ้นนิ่ม ๆ คือ คอลลาเจน (Collagen) ธรรมชาติที่มีอยู่มาก ซึ่งเป็นคอลลาเจนที่ดูดซึมง่าย นำไปใช้ซ่อมแซมเซลล์ได้โดยตรง การจะใช้ร่างกายดูดซึมคอลลาเจนได้ดีที่สุดนั้นคือต้องกินควบคู่ไปกับวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะช่วยดึงคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้ ดังนั้น หลายคนจึงนิยมทำน้ำจิ้มซีฟู้ดใส่น้ำมะนาวสด ๆ กินกับคากิ นอกจากประโยชน์นี้ ยังช่วยดับความเลี่ยนได้อีกด้วย
นอกจาก “คากิ” ในประเทศไทย ที่เราเห็นการตุ๋น หรือตักมาสับขายบนข้าวขาหมูแล้วนั้น ที่ต่างประเทศก็ไม่น้อยหน้า เพราะ “คากิ” ก็เป็นเมนูยอดฮิต และอร่อยขึ้นชื่อไม่แพ้ที่ประเทศไทยเช่นกัน
สนับสนุนโดย ufacash.vip